
สิ่งที่ควรรู้! ไว้ปกป้องสิทธิตัวเอง
สิทธิเรียกร้องได้ ไม่ต้องขออนุญาตใคร
หลายครั้งปัญหาไม่ได้เกิดจาก “ไม่มีสิทธิ” แต่เกิดจากการที่เราไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิอะไรบ้างต่างหาก เราลองไปดูกันว่าในชีวิตประจำวันของนักเรียนมีสิทธิอะไรบ้างที่ควรรู้และควรปกป้องรักษาเพื่อให้เราได้เรียนรู้อย่างสบายใจ ปลอดภัย และได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมในทุก ๆ สถานการณ์ 💬✨

สิทธิในการได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม ทุกคนสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ไม่ควรถูกแบ่งแยกหรือเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลจาก เพศ สีผิว รูปลักษณ์ ศาสนา หรือความแตกต่างใด ๆ ในโรงเรียนหรือสังคม ทุกคนมีสิทธิที่จะเรียนรู้อย่างปลอดภัย และการได้เข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างเท่าเทียม

สิทธิในความเป็นส่วนตัว
เรามีสิทธิเต็มที่ที่จะปฏิเสธไม่ให้ใครถ่ายรูปหรือวิดีโอของเราหากไม่ได้รับอนุญาต เพราะภาพถ่ายและวิดีโอที่มีใบหน้าเรานั้นถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลและเกี่ยวข้องกับสิทธิความเป็นส่วนตัว หากมีผู้ถ่ายรูปหรือวิดีโอเราโดยไม่ได้รับอนุญาตและนำไปเผยแพร่ ไม่ว่าจะเป็นบนโซเชียลมีเดีย กลุ่มไลน์ หรือแพลตฟอร์มใด ๆ การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่าย การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล, ละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากภาพหรือวิดีโอถูกใช้นำไป ล้อเลียน ดูหมิ่น หรือทำให้เกิดความอับอาย จะยิ่งเข้าข่ายความผิดหนักขึ้น
บทลงโทษของกฎหมาย PPDA
โทษทางแพ่ง
ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และศาลอาจสั่งเพิ่มได้ ไม่เกิน 2 เท่า ของค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว
โทษทางปกครอง
กรณีนี้ศาลสามารถสั่งลงโทษได้เลย ไม่ต้องให้ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง โดยกำหนดบทลงโทษไว้ดังนี้
• ไม่ขอความยินยอมให้ถูกต้อง / ไม่แจ้งสิทธิ / ไม่ให้เข้าถึงข้อมูล → ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
• เก็บ ใช้ เปิดเผยข้อมูลโดยไม่มีฐานกฎหมาย → ปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท
• ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย → ปรับไม่เกิน 5 ล้านบาท
โทษทางอาญา
• ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เสียชื่อ หรืออับอาย → จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท
• ใช้ข้อมูลเพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ → จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
• เจ้าหน้าที่ล่วงรู้ข้อมูลจากหน้าที่แล้วนำไปเผยแพร่โดยมิชอบ → จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท
คนอื่นไม่สามารถค้นหรือเปิดดูของส่วนตัวของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า โต๊ะเรียน ตู้ล็อกเกอร์ โทรศัพท์ หรือสมุดส่วนตัว หากไม่มีเหตุอันควร หรือไม่ได้รับอนุญาตจากเราโดยตรงการค้นของส่วนตัวโดยพลการถือเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และอาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิในทรัพย์สิน การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และเข้าข่ายลักทรัพย์หรือพยายามลักทรัพย์

สิทธิในการแสดงความคิดเห็นในห้องเรียน
การแสดงความคิดเห็น การเสนอไอเดีย หรือการให้ feedback ต่อการเรียนการสอน ไม่ใช่เรื่องที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งตราบใดที่เราสื่อสารกันด้วย ความสุภาพ เคารพผู้อื่น และความเหมาะสม การเคารพซึ่งกันและกันเป็นพื้นฐานที่ทำให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย เปิดกว้าง และสนับสนุนการเรียนรู้ของทุกคน
เมื่อเราเข้าใจสิทธิใกล้ตัวในรั้วโรงเรียนแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าสิทธิที่เราใช้ในชีวิตประจำวันล้วนมีรากฐานมาจากกฎหมายสำคัญของประเทศนั่นก็คือ รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมวันรัฐธรรมนูญจึงเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างมาก งั้นเราลองไปดูที่มาของวันรัฐธรรมนูญกันดีกว่าว่ามีความเป็นมาอย่างไร

วันรัฐธรรมนูญ คือ วันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475” ซึ่งถือเป็น รัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและนับเป็นกฎหมายสูงสุดที่เป็นพื้นฐานของสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ของประชาชนมาจนถึงปัจจุบัน
สิทธิที่เราใช้กันทุกวันไม่ว่าจะทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนล้วนมาจาก รัฐธรรมนูญ ที่เป็นเหมือนกฎใหญ่สุดของประเทศวันรัฐธรรมนูญเลยไม่ใช่แค่วันในปฏิทิน แต่เป็นวันที่เตือนให้เรารู้ว่าเรามีสิทธิอะไรบ้าง และเราควรใช้สิทธินั้นอย่างมีสติและเคารพกัน
พอเราเข้าใจสิทธิของตัวเองก็ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้มั่นใจขึ้น ปกป้องตัวเองได้ดีขึ้น และอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างสบายใจมากขึ้นด้วย ✨
TAGS: #การศึกษาไทย#สิทธิเด็ก#dek69#dek70#รัฐธรรมนูญ
Comments